ก่อนขึ้นแท่น : สัปดาห์ที่สอง มหาพรต

27
Feb

ก่อนขึ้นแท่น 28กุมภา

บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล                                ปฐก 22:1-2,9ก,10-13,15-16

ต่อมาไม่นาน พระเจ้าทรงลองใจอับราฮัม พระองค์ตรัสเรียกเขาว่า “อับราฮัมเอ๋ย” อับราฮัมทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่” พระเจ้าตรัสว่า “จงพาอิสอัคบุตรของท่าน บุตรคนเดียวที่ท่านรักไปยังดินแดนโมริยาห์ แล้วถวายเขาเป็นเครื่องเผาบูชาบนภูเขาที่เราจะบอกให้ท่านรู้”
เมื่อทั้งสองคนมาถึงสถานที่ซึ่งพระเจ้าทรงบอกให้รู้แล้วอับราฮัมก่อแท่นบูชาขึ้น จัดเรียงฟืนไว้บนนั้น อับราฮัมยื่นมือออกไป เงื้อมีดจะฆ่าบุตร แต่ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าร้องเรียกจากสวรรค์ว่า “อับราฮัมเอ๋ย อับราฮัม” อับราฮัมตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่” ทูตสวรรค์กล่าวว่า “อย่าลงมือฆ่าเด็กหรือทำร้ายเขาเลย บัดนี้ เรารู้แล้วว่า ท่านยำเกรงพระเจ้า และมิได้หวงบุตรคนเดียวของท่านไว้ ไม่ถวายแก่เรา” อับราฮัมเงยหน้าขึ้น แลเห็นแกะตัวผู้ตัวหนึ่ง เขาของมันติดอยู่ในพุ่มไม้ อับราฮัมจึงไปจับมันมาฆ่าเผาถวายบูชาแทนบุตรชาย
ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าจากสวรรค์เรียกอับราฮัมเป็นครั้งที่สองว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เพราะท่านได้ทำดังนี้ คือมิได้หวงบุตรชายคนเดียวของท่านไว้ เราสาบานต่อเราเองว่า เราอวยพรให้ท่านอย่างมาก จะให้ลูกหลานของท่านทวีจำนวนมากเท่ากับดวงดาวบนท้องฟ้า และเม็ดทรายตามชายทะเล ลูกหลานของท่านจะได้เมืองของศัตรูเป็นกรรมสิทธิ์ ชนทุกชาติบนแผ่นดินจะได้รับพระพรเพราะลูกหลานของท่าน ทั้งนี้ เพราะท่านเชื่อฟังคำสั่งของเรา”

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม             รม 8:31-34
พี่น้อง ถ้าพระเป็นเจ้าอยู่ฝ่ายเรา ใครจะอาจขัดขวางเราได้? พระองค์มิได้ทรงหวงแหนพระบุตรของพระองค์เอง แต่ทรงมอบบุตรนั้นเพื่อประโยชน์แก่เราทุกคนแล้วพระองค์จะไม่ประทานทุกสิ่งให้เราพร้อมกับองค์พระบุตรละหรือ? ใครเล่าจะฟ้องร้องผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้วได้? เมื่อพระองค์ทรงโปรดให้พ้นโทษแล้วใครเล่าจะปรับโทษอีกเล่า? พระเยซูคริสตเจ้านะหรือ? พระองค์ได้สิ้นพระชนม์,ยิ่งกว่านั้นยังได้ทรงกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย ประทับอยู่เบื้องขวาของพระเป็นเจ้าเพื่ออ้อนวอนแทนเราอีกด้วย

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                           มก 9:1-9
เวลานั้น พระเยซูเจ้ายังตรัสแก่บรรดาศิษย์อีกว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านว่า บางท่านที่ยืนอยู่ที่นี่จะไม่ลิ้มรสความตายจนกว่าจะเห็นพระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงพร้อมด้วยพระอานุภาพ’
ต่อมาอีกหกวัน พระเยซูเจ้าทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นขึ้นไปบนภูเขาสูงตามลำพัง แล้วพระวรกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา ฉลองพระองค์กลับมีสีขาวเจิดจ้า ขาวผ่องอย่างที่ไม่มีช่างซักฟอกคนใดในโลกสามารถทำให้ขาวเช่นนั้นได้ แล้วประกาศกเอลียาห์กับโมเสสสำแดงตนสนทนาอยู่กับพระเยซูเจ้า เปโตรจึงทูลพระเยซูเจ้าว่า ‘พระอาจารย์เจ้าข้า ที่นี่สบายน่าอยู่จริงๆ เราจงสร้างเพิงขึ้นสามหลังเถิด หลังหนึ่งสำหรับพระองค์ หลังหนึ่งสำหรับโมเสส อีกหลังหนึ่งสำหรับประกาศกเอลียาห์’ เขาไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรเพราะศิษย์ทั้งสามต่างตกใจกลัว ครั้นแล้วเมฆก้อนหนึ่งลอยลงมาปกคลุมเขาไว้ มีเสียงหนึ่งออกมาจากเมฆนั้นว่า ‘ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา จงฟังท่านเถิด’ ทันใดนั้น ศิษย์ทั้งสามเหลียวมองรอบๆ ไม่เห็นผู้ใดอยู่กับตนนอกจากพระเยซูเจ้าเท่านั้น
ขณะที่กำลังลงจากภูเขา พระองค์ตรัสสั่งเขามิให้เล่าเหตุการณ์ที่ได้เห็นให้ผู้ใดฟัง จนกว่าบุตรแห่งมนุษย์จะกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย