
“พยานถึงพระเยซู…เรายิ่งจางลง พระองค์ยิ่งชัดเจนขึ้น”
“ขอพระหรรษทานและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด” (1คร 1:1-3)
คำทักทายที่เราตั้งใจมอบสันติสุขให้แก่กัน ล้วนมาจากความจริงใจ ความจริงใจล้วนมาจากหัวใจของเราที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักที่มีต่อพระ ความรักที่มีต่อพระนั้นมีได้ก็เพราะเราได้พบได้มีประสบการณ์ความรักที่พระทรงมอบให้กับเรา เราจึงขอบพระคุณความรักของพระ เราจึงเชื่อมั่นวางใจในพระ เราจึงยอมมอบความรักสันติสุขให้กับพี่น้องคนอื่นตามที่พระเยซูทรงทำเป็นต้นแบบและเรียกร้องให้เราดำเนินชีวิต และแสดงความรักความใจกว้างออกมาผ่านทางกิจเมตตาที่มีต่อกัน ผ่านทางสันติสุขจริงใจที่มอบให้กัน
พระองค์ตรัสว่า “เป็นการน้อยไปที่ท่านจะเป็นผู้รับใช้ของเรา เพื่อสถาปนาเผ่าพันธุ์ยาโคบขึ้นใหม่ และรวบรวมอิสราเอลที่เหลืออยู่อีกครั้งหนึ่ง เราจะให้ท่านเป็นแสงสว่างส่องนานาชาติ เพื่อความรอดพ้นที่เรานำมาให้จะได้แผ่ไปจนสุดปลายแผ่นดินบัดนี้” …..พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้รับเกียรติเฉพาะพระพักตร์พระองค์ พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นพละกำลังของข้าพเจ้า (อสย 49:6,5ข)
ด้วยมิตรภาพ ด้วยความใจกว้าง ด้วยสันติสุขที่มอบให้ เหล่านี้แหละ คือ “แสงสว่างส่องนานาชาติ” คือ “การร่วมแผนการสร้างกับพระเจ้า” เรามีพลัง และทำได้เพราะ “พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นพละกำลังของข้าพเจ้า”
ยอห์นยังยืนยันอีกว่า “ข้าพเจ้าเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์เหมือนนกพิราบ และทรงอยู่เหนือพระองค์ข้าพเจ้าเห็นและเป็นพยานยืนยันว่าท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า” (ยน 1:29-34)
ทุกครั้งที่เรามอบสันติสุขให้แก่กัน ทุกครั้งที่เราดูแลกันและกัน ทุกครั้งที่เราใจกว้างด้วยเมตตาจิตต่อกัน เรากำลังเป็นพยานถึงองค์พระเยซูเจ้า เป็นพยานถึงความรักของพระบิดา เรากำลังร่วมมือกับพระและทำให้ความรักของพระบิดาในตัวพระเยซูเจ้าเกิดขึ้นจริงซ้ำแล้วซ้ำอีก และยิ่งทียิ่งปรากฎชัดเจนขึ้น
นกขุนทอง